นักเทรดทุกคนที่อยู่ในวงการน่าจะรู้จักแพลตฟอร์ม TradingView อย่างดีแล้ว มันไม่เพียงเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลที่สมบูรณ์แบบเกี่ยวกับตลาดและการวิเคราะห์ทางการเงิน แต่ยังเป็นที่น่าเชื่อถือและมีความเสถียรในระดับสูงอีกด้วย
วันนี้เรามีความยินดีที่จะแบ่งปันรายชื่อ “TOP 10 อินดิเคเตอร์ทำกำไรสูงสุดบน TradingView ปี 2024” ที่คุณสามารถใช้เพื่อเพิ่มกำไรในการเทรดของคุณได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดมือใหม่หรือมืออาชีพ อินดิเคเตอร์เหล่านี้มีเครื่องมือที่คุณต้องการ และสำคัญที่สุดคือทุกอย่างสามารถใช้งานได้ฟรี!
อันดับที่ 10 Velocity and Acceleration Signals โดย LeafAlgo
อินดิเคเตอร์นี้เป็นออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) ที่ชื่อว่า “Velocity and Acceleration Signals” จาก LeafAlgo ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ตลาดทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้
คุณสมบัติ: มีการประยุกต์ใช้ความเร็ว (Velocity) และความเร่ง (Acceleration) ในทางฟิสิกส์มาวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดการเงิน สามารถใช้เป็นสัญญาณคอนเฟิร์มในการตรวจสอบการกลับตัวของเทรนด์ หรือความแข็งแกร่งของเทรนด์ปัจจุบัน
การใช้งาน: เมื่อความเร็วและความเร่งมีทิศทางเดียวกัน อินดิเคเตอร์จะสร้างสัญญาณตามความเร็วและความเร่งของราคาที่คำนวณได้ ทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับโมเมนตัมของตลาดและการกลับตัวของเทรนด์ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดสัญญาณซื้อหรือขายนั่นเอง
คำแนะนำเพิ่มเติม: เพื่อเพิ่มความแม่นยำของสัญญาณ แนะนำให้ปรับความยาวของ EMA (Exponential Moving Average) สำหรับความเร็วให้สูงขึ้น และหากใช้งานร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆอิดิเคเตอร์ตัวนี้จะยิ่งมีประสิทธิภาพ
อันดับ 9 Support and Resistance (MTF) Flux Charts โดย fluxchart
อินดิเคเตอร์ตัวนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบการวิเคราะห์ราคาแบบ multi-timeframe โดยใช้หลักการของแนวรับแนวต้านมาช่วย
คุณสมบัติ: Multi-Timeframe Analysis ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ราคาได้ในหลาย timeframe พร้อมกัน ทำให้เห็นภาพใหญ่ขึ้นและเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นสอดคล้องกับเทรนด์ในระยะยาวได้อย่างชัดเจน อินดิเคเตอร์จะแสดงระดับของแนวรับแนวต้านในหลาย timeframe ในกราฟเดียว ช่วยให้การวิเคราะห์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การใช้งาน: เลือก timeframe ที่ต้องการแสดงและปรับการแสดงผลตามความต้องการของคุณ
อันดับ 8 Triple Confirmation Kernel Regression Oscillator (MTF) โดย QuantraAI
อินดิเคเตอร์ตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตามเทรนด์และดูวัฏจักรของตลาดโดยเฉพาะ มีความคล้ายกับ RSI แต่มาจากแนวคิด Kernel Regression
คุณสมบัติ: สร้างมาจากแนวคิด Kernel Regression โดยใช้โซน overbought และ oversold แบบไดนามิกที่ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นแนวโน้มตลาดและการกลับตัวได้อย่างชัดเจน
การใช้งาน: เพื่อให้การวิเคราะห์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถใช้ระดับ overbought และ oversold และการเปลี่ยนแปลงเทียบกับเส้นศูนย์ (zero line) เพื่อช่วยในการตัดสินใจเข้า/ออกตลาด กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงที่ต่ำกว่าเส้นศูนย์บ่งบอกถึงสัญญาณขาย ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่อยู่เหนือเส้นศูนย์บ่งบอกถึงเทรนด์ที่เพิ่มขึ้น
อันดับ 7 Volume SuperTrend AI โดย Zeiierman
คุณสมบัติ: Volume SuperTrend AI เป็นอินดิเคเตอร์ที่มีคุณสมบัติหลักในการใช้ข้อมูล volume เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดอย่างเป็นระบบ โดยอินดิเคเตอร์นี้รวมการเคลื่อนไหวของราคาเข้ากับ volume เพื่อให้ได้มุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด และยังมีการใช้ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเพื่อระบุทิศทางของเทรนด์ให้แม่นยำขึ้น
การใช้งาน: อินดิเคเตอร์มาพร้อมกับสัญญาณซื้อและขาย 2 ประเภทคือแบบอ่อนแรง (mild) และแบบแข็งแรง (strong) เพื่อช่วยในการตัดสินใจการซื้อขาย โดยใช้สัญญาณที่แข็งแรงเพื่อบอกถึงความต่อเนื่องของเทรนด์ เหมาะสำหรับตลาดการเงินทั้งหุ้น, FOREX, สินค้าโภคภัณฑ์, และสกุลเงินดิจิทัล
อันดับ 6 Price Action Concepts โดย StratifyTrade
Price Action Concepts เป็นอินดิเคเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ครอบคลุมและเข้าใจข้อมูลในการหาจุดซื้อขายที่ดีที่สุด
คุณสมบัติ: ใช้ Volumetric Order Blocks, ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างตลาด รวมไปถึงสภาพคล่องช่วยให้การตัดสินใจซื้อขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อตลาด break ราคาสูงสุดล่าสุดซ้ำๆ มันคือสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และผู้ซื้อกำลังมีอำนาจเหนือกว่า ในทางกลับกัน ถ้าราคามันตกลงไปต่ำกว่าราคาต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมา มันก็เป็นสัญญาณแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน และผู้ขายกำลังควบคุมตลาดอยู่
การใช้งาน: Volumetric Order Blocks ช่วยให้เห็นภาพรวมของตลาดโดยใช้การทำลายโครงสร้าง (break structure) เช่น การสร้างบล็อกคำสั่งซื้อขาขึ้นหรือลง เพื่อช่วยในการตัดสินใจการเทรด
อันดับ 5 Ranges with Targets โดย ChartPrime
อินดิเคเตอร์ Ranges with Targets ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเทรดมองเห็นโอกาสในการซื้อขายที่เป็นไปได้จากกราฟที่มีการ breakout เกิดขึ้น โดยการสร้าง Ranges ในรูปแบบของกล่องแบบเรียลไทม์เพื่อช่วยให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของราคา
คุณสมบัติ: Ranges คือการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละวัน อินดิเคเตอร์นี้สร้างขึ้นจากทฤษฎีการ breakout โดยเมื่อราคาทะลุออกจาก Ranges อาจบ่งบอกถึงเทรนด์ที่ยังคงดำเนินต่อไป
การใช้งาน: เมื่อมีการ breakout เกิดขึ้นจาก Ranges อินดิเคเตอร์จะเริ่มเปลี่ยนสีแท่งเทียน ส่งสัญญาณการ breakout ฝั่งซื้อ (long) หรือ ฝั่งขาย (short) โดยสีเขียวแทนการซื้อและสีแดงแทนการขาย ส่วนแท่งเทียนสีเทาแสดงถึงช่วงเวลาที่ไม่มีการซื้อขาย
อันดับ 4 Trend Channels with Liquidity Breaks โดย ChartPrime
อินดิเคเตอร์ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อใช้ระบุแนวรับและแนวต้านในตลาดได้อย่างรวดเร็ว วัตถุประสงค์หลักคือการมองภาพเทรนด์ในลักษณะที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้
คุณสมบัติ: ใช้การผสมผสานระหว่างจุด pivot high และจุด pivot low เพื่อสร้างโซนแนวรับและแนวต้าน ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นจุดกลับตัวจากการ breakout หรือเทรนด์จะวิ่งไปต่อ
การใช้งาน: โซนแนวรับและแนวต้านจะถูกมองเห็นเป็นเส้นช่องบนและล่างโดยมีเส้นประตรงกลางซึ่งแสดงถึงจุดกึ่งกลางของช่องสัญญาณ อินดิเคเตอร์ตัวนี้ยังช่วยให้คุณเห็นข้อมูล volume ภายในแถบช่องสัญญาณด้วย หากคุณเลือกที่จะเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ โซนที่มี volume สูงอาจส่งสัญญาณถึงแรงกดดันในการซื้อหรือขายที่แข็งแรง ซึ่งอาจนำไปสู่การ breakout หรือการยืนยันเทรนด์ที่อาจเกิดขึ้นได้
อันดับ 3 DIY Custom Strategy Builder โดย zpayab
DIY Custom Strategy Builder ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการวิเคราะห์การเทรดที่ซับซ้อน
คุณสมบัติ: มีการรวบรวมอินดิเคเตอร์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยมมากกว่า 30 รายการ คุณสามารถเลือกและผสมอินดิเคเตอร์ต่างๆ ตามความชอบของคุณ จากนั้นระบบจะสร้างสัญญาณซื้อและขายโดยอัตโนมัติตามอินดิเคเตอร์ที่คุณเลือก คุณไม่ต้องเฝ้าหน้าจอเพื่อรอสัญญาณ เพียงแค่ตั้งค่าการแจ้งเตือนแล้วปล่อยให้อินดิเคเตอร์ทำงานแทนได้เลย
การทำงาน: เครื่องมือนี้จะระบุอินดิเคเตอร์หลักและอินดิเคเตอร์สำหรับการยืนยันที่คุณเลือกไว้ และเมื่อแท่งเทียนปิดแล้ว เครื่องมือจะตรวจสอบว่าอินดิเคเตอร์หลักสร้างสัญญาณซื้อหรือขายแล้วหรือไม่ หากอินดิเคเตอร์หลักและอินดิเคเตอร์สำหรับการยืนยันที่คุณเลือกถูกสร้างขึ้นเมื่อแท่งเทียนปิด สัญญาณซื้อหรือขายจึงจะแสดงบนกราฟ
อันดับ 2 The Ultimate Buy and Sell Indicator โดย Sherlock_MacGyver
อินดิเคเตอร์ตัวนี้ให้สัญญาณที่ดีเยี่ยมบนแพลตฟอร์ม TradingView ออกแบบมาเพื่อให้สามารถปรับแต่งตามความต้องการของเทรดเดอร์ทั้งมืออาชีพและมือใหม่
คุณสมบัติ: เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับ ultimate RSI เพื่อเข้าใจภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงในตลาด ส่วนประกอบหลักของอินดิเคเตอร์ ได้แก่ Moving Averages, Bollinger Bands, RSI, สัญญาณซื้อและขาย, สัญญาณ Watch Buy และ Watch Sell
การใช้งาน: กลยุทธ์ที่แนะนำคือ เปิดสถานะซื้อเมื่อราคาปิดเหนือเส้น Moving Averages และอินดิเคเตอร์ให้สัญญาณซื้อ โดยกลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่เป็นเทรนด์หรืออยู่ในช่วง consolidation
อันดับ 1 Imbalance Algo โดย IMBA_TRADER
คุณสมบัติ: อินดิเคเตอร์นี้ใช้ระดับ Fibonacci 0.5 เพื่อกำหนดเทรนด์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์จะแสดงเมื่อแท่งเทียนอย่างน้อยหนึ่งแท่งปิดเหนือระดับ Fibonacci 0.236 สำหรับออเดอร์ซื้อ หรือต่ำกว่าระดับ Fibonacci 0.786 สำหรับออเดอร์ขาย
การใช้งาน: อินดิเคเตอร์นี้ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้ดีในทุกตลาดและทุก time frame ด้วยการตั้งค่าที่เหมาะสม มี back test panel เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ของกลยุทธ์แบบไดนามิก สามารถปรับแต่งกลยุทธ์, sensitivity, วันที่เริ่มต้นการทำ back test, รายละเอียด position, SL, TP, built-in RSI และแผงข้อมูลได้
ทั้งหมดนี้คือ 10 อันดับอินดิเคเตอร์ทำกำไรที่เราอยากแนะนำให้คุณไปลองศึกษาดู ลองใช้งานและทดสอบด้วยตัวเอง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับคุณอย่างมั่นใจมากขึ้น
แหล่งอ้างอิง: https://youtu.be/h9DvqT6-uGw?si=b-_9sdhQiH9tqX_O